วันอาทิตย์ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2555

รู้เงื่อนไข...อุ่นใจเมื่อรถชน

รื่องปวดหัวที่สุดของผู้ใช้รถ คือ เมื่อเกิดอุบัติเหตุ ต้องมายืนเถียงกับคู่กรณีกลางแดดเปรี้ยง

แน่นอนว่า ไม่มีใครอยากเจอเรื่องแบบนี้ ดังนั้น การมีประกันภัยรถยนต์เพื่อลดความยุ่งยาก จึงเป็นเหตุผลแรกๆ ของหลายคน และก็ทำให้หลายคนเลือกประกันภัยประเภท 1 เพราะเชื่อว่าจะได้รับการดูแลระดับเฟิร์สต์คลาส

แต่ในสถานการณ์จริง เมื่อประกันมาถึง อาจจะมีความยุ่งยากก็ได้ ถ้าผู้ขับขี่นั้นไม่มีความพร้อมในเรื่องคุณสมบัติ

เรื่องที่ไม่ซับซ้อน แค่ขับรถชนกัน ก็เรียกตัวแทนเคลมประกันมาคุย ก็น่าจะจบ แต่มาลองดูว่า ปัญหานั้นอยู่ที่ตรงไหนได้บ้าง

ผู้ขับขี่ต้องมีใบอนุญาตขับขี่ ซึ่งต้องมีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป...ใช่ครับ ก็คนขับรถนั้นต้องมีใบอนุญาตและกรมขนส่งทางบกออกให้เฉพาะคนที่อายุถึงเกณฑ์ 18 ปี แต่ทุกวันนี้ ท่านเคยมองไปรอบข้างยามอยู่หลังพวงมาลัยหรือไม่ เด็กหนุ่มสาวหน้าตาละอ่อน บางคนผมเกรียนแบบนักเรียน ม.ต้น ดูอย่างไรก็ไม่มีทางอายุ 18 ปี แต่พ่อแม่ก็ปล่อยให้ขับรถออกมาห้าง หรือไปเที่ยวทะเลดูคอนเสิร์ตริมหาด ตรงนี้สร้างความยุ่งยากให้ประชาชนที่ใช้ถนนร่วมกันมาก ผิดกฎหมาย ประกันถือว่าโมฆะ ความสูญเสียมากมายที่ตามมา และอาจนำไปสู่การคอร์รัปชันหลายรูปแบบ

เรื่องต่อมาที่ต้องใส่ใจ คือ ในการคำนวณเบี้ยประกันภัยชั้น 1 และ 2 ค่าเบี้ยประกันภัยจะสัมพันธ์กับวงเงินทุนประกันภัยรถของคุณเป็นหลัก เช่น ทุนประกันภัยรถสูง = ค่าเบี้ยแพง ดังนั้น เมื่อพบอัตราเบี้ยที่แตกต่างกันให้สังเกตดูว่าทุนประกันภัยและความคุ้มครอง อื่นๆ ที่สูงกว่านั้นคุ้มค่าตามความต้องการหรือไม่

บริษัทประกันภัย จะไม่คุ้มครองความเสียหายที่เกิดขึ้น ในกรณีที่ผู้ขับขี่ดื่มเหล้าและเกิดอุบัติเหตุ...โปรดอ่านอีกครั้งหนึ่ง และพึงสังวรไว้ให้มากเรื่องนี้

การนำรถที่ถูกชนมาก่อนมาทำประกันภัย โดยไม่เปิดเผย ถือเป็นการหลอกลวง บริษัทประกันภัยมีสิทธิไม่รับประกันภัยรถของคุณ หรือหากตรวจพบในภายหลังให้ถือว่าสัญญาเป็นโมฆียะ หรือไม่สามารถนำมาใช้ได้

ความคุ้มครองการประกันภัยรถยนต์ จะคุ้มครองเฉพาะในประเทศไทยเท่านั้น

โดยทั่วไป บริษัทประกันภัยจะไม่รับประกันภัยรถที่มีการโหลด ตกแต่ง หรือเปลี่ยนแปลงเครื่องยนต์

บริษัทประกันภัยจะไม่คุ้มครอง ในกรณีนำรถไปใช้ผิดประเภท เช่น นำรถยนต์นั่งส่วนบุคคลนำไปใช้รับจ้าง

...เมื่อเกิดเหตุคุณควรทำอย่างไร

แจ้งอุบัติเหตุทันทีต่อบริษัทประกันภัยตามหมายเลขโทรศัพท์ที่บริษัทประกันภัยให้ไว้ มักจะให้มาในรูปแบบของสติกเกอร์ติดกระจกหน้ารถ

เมื่อ เจ้าหน้าที่บริษัทดำเนินการสำรวจความเสียหายแล้ว จะให้ใบรับแจ้งเหตุไว้ นำเอกสารดังกล่าวไปให้บริษัทประกันภัยคุมราคาทรัพย์สินที่เสียหายก่อนทำการ ซ่อม หลังจากนั้น นำรถเข้าซ่อมกับอู่ตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์

ที่มา กรุงเทพธุรกิจ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น